กันขโมยรถยนต์ แบบใดเหมาะกับคุณ
รถเป็นปัจจัยที่ 5 ในโลกใบนี้ ทุกคนคาดหวังจะมีรถเป็นของตนเองเพื่อความสะดวกสบาย กว่าจะได้รถมาสักคันนั้น..ลำบากขนาดไหน ทุกคนรู้ดี
ป้องกันดีกว่าแก้ เป็นสุภาษิตโบราณ ที่ยังมีคุณค่าอยู่ถึงปัจจุบัน การป้องกัน หรือ ใช้ระบกันขโมย ถือเป็นทางเลือกสำหรับทุกๆคน จะเลือกแบบไหนดี และเหมาะสมกับเรา ผู้เขียนได้ศึกษาเลือกหากันขโมยสำหรับรถยนต์ ซึ่งมีหากหลายในปัจจุบัน เช่น
1.ล็อกเกียร์
ระบบกันขโมย (Anti-Theft)
1. ล็อกเบรค+คลัช แบบธรรมดา กับแบบมี alarm ตัดสตาร์ท, ล็อกพวงมาลัย, ล็อกเกียร์, ล็อกล้อ
ข้อดี คือ ราคาถูก ใช้งานง่ายไม่ต้องใช้ทักษะ
ข้อเสีย คือ
1.เจ้าของรถกับรถต้องอยู่ใกล้กันแม้ในรุ่นที่มี alarm
2.ต้องใส่-ถอดทุกครั้งที่ใช้หรือเลิกใช้งาน ทำให้เสียเวลาโดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน
3.ล็อกเบรค+คลัช สามารถถูกทำลายได้ด้วยดอกสว่านคาร์ไบด์
4.ล็อกเกียร์โดยทั่วไปไม่ใช่แบบหล่อเป็นก้อนเหล็กกล้าหรือสเตนเลส เมื่อใช้ค้อนทุบๆ เบาๆ ก็จะแตกกระจายเป็นส่วนๆ
5.ล็อกพวงมาลัย คนร้ายจะใช้วิธีขันพวงมาลัยออกมาปลดล็อก หรือตัดพวงมาลัยออก
6.ใช้น้ำกรด คนร้ายจะใช้น้ำกรดชนิดเข้มข้นใส่เข็มฉีดยา หยดไปตามรูกุญแจเพื่อทำลายชุดฟันเฟืองและสปริงเล็กๆ ในแม่กุญแจ
7.คนร้ายมองเห็นได้ และสามารถหาวิธีจัดการโดยง่าย
2. รีโมทรถ มี 2 ประเภท คือ
1. รีโมทควบคุมเซ็นทรัลล็อก 2. รีโมทควบคุมเซ็นทรัลล็อก+กันขโมย คือ หลังจากล็อกรถด้วยรีโมทแล้วเอากุญแจรถไขประตูก็จะมีเสียงไซเรน หรือสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ได้
ข้อดี คือ สะดวก ใช้งานง่าย
ข้อเสีย คือ อาจโดนสกัดสัญญาณ (Remote Jamming) ไม่ให้ส่งไปที่รถ หรือถอดรหัสสัญญาณและคัดลอกไปใช้ได้
3.ระบบกุญแจ Immobilizer กล่อง ECU จะอ่านรหัส ID Code ของลูกกุญแจ ซึ่งต้องตรงกับที่ถูกบันทึกก่อนการสตาร์ทเครื่องยนต์ หากไม่ตรงกันก็ไม่สามารถสตาร์ท การต่อสายตรงก็ไม่สามารถสตาร์ทได้เช่นกัน
ข้อดี คือ สะดวก ใช้งานง่าย
ข้อเสีย คือ
1.คนร้ายจะตัดต่อสายไฟในวงจร Immobilizer หรือในกล่อง ECU หรือเปลี่ยนกล่อง ECU เลยในรุ่นที่เป็นที่ต้องการของตลาด
2.สามารถ copy ขึ้นมาใหม่ในเวลาเพียง 3 นาที
3.ใช้เหล็กแข็งแรงเป็นพิเศษขนาดเท่ากุญแจแทนกุญแจ ในวงการเรียกกันว่า “เหล็กปีกเครื่องบิน” เมื่อแทงเข้าไปในรูกุญแจประตู และบิดแรงๆจะทำลายระบบตัวล็อกประตู และสามารถเปิดประตูรถเข้าไปต่อสายตรงสตาร์ทเครื่องขับรถไปได้ เช่นเดียวกับจักรยานยนต์
คนร้ายมักใช้วิธี คือ การหักคอแล้วต่อสายตรงสตาร์ทเครื่องแล้วขับขี่เอารถไป ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 วินาที
4.ใช้น้ำกรดชนิดเข้มข้นใส่เข็มฉีดยาหยดเข้าไปในรูกุญแจเพื่อให้กัดทำลายชุดฟันเฟืองและสปริงเล็กๆในแม่กุญแจ
รูปแบบนี้ยังนำไปใช้กับอุปกรณ์ภายในรถ เช่น ล็อกพวงมาลัย ล็อกเกียร์ และล็อกคลัทช์ได้อีกด้วย
5.ใช้ลวดเกี่ยวขอบกระจก คนร้ายจะแกะหรือถอดสายไฟต่างๆ เช่น ไฟเลี้ยวแก้มที่ถอดง่ายที่สุด แล้วตัดสายไฟมาช็อตกัน
เพื่อให้ระบบกันขโมยหยุดการทำงาน และจะเกี่ยวกลอนประตูเพื่อเปิดประตูรถ แล้วต่อสายตรงขับออกไป
6.ใช้ไฟช็อต เพื่อลงกระจก หรือปลดล็กประตู
4. ระบบแป้นรหัสกันขโมยดิจิตอล (KEY PAD STSTEM) ป้องกันการโจรกรรมรถด้วยระบบแป้นดิจิตอล PIN CODE โดยการใช้รหัสผ่านดิจิตอล PIN CODE 4 หลัก ซึ่งเจ้าของรถสามารถที่จะทำการโปรแกรมรหัสดิจิตอลได้ด้วยตัวเอง
ข้อดี คือ สะดวก ใช้งานง่าย
ข้อเสีย คือ คนร้ายสามารถตัดต่อวงจรโดยไม่ต้องใช้ระหัสดิจิตอล สตาร์ทรถและขับไปได้ทันที
5. ระบบ ULTRA SONIC SENSOR เพื่อจับความเคลื่อนไหวภายในห้องโดยสาร ด้วย การผลิตคลื่นความถี่สูง 100 ล้านโมเลกุล จึงจับความเคลื่อนไหว ทุกชนิดที่รุกล้ำเข้าสู่ห้องโดยสาร ส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์แจ้งเตือน เช่น ไซเรน หรือ sระบบ GSM เพื่อส่งข้ลมูลไปยังเจ้าของ
6.GSM กันขโมย เมื่อรถกำลังถูกขโมย เช่น รถถูกทุบกระจก ประตูรถถูกเปิด รถถูกสตาร์ท จะมีการส่ง SMS หรือโทรศัพท์แจ้งผู้ใช้รถ
ข้อดี คือ ผู้ใช้รถจะทราบทันทีที่มีผู้บุกรุกแม้อยู่ไกลกันมากๆ และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที
ข้อเสีย คือ อาจถูกตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือด้วยเครื่อง GSM jammer และบริเวณนั้นอยู่ห่างจาก cell site มากๆ
7.ระบบติดตามรถ (GPS)
เป็นการใช้เทคโนโลยีระบบติดตามผ่านดาวเทียม (GPS) กับผู้ให้บริการแผนที่ มี 3 ประเภท คือ
1.แบบ offline เครื่อง GPS จะเก็บข้อมูลตำแหน่งพิกัดไว้ในตัวเครื่อง เมื่อจะดูข้อมูลก็จะต้องนำตัวเครื่องฯต่อเข้ากับComputer
ข้อดี ราคาถูกที่สุดไม่มีค่าใช้ใดๆ
ข้อเสีย คือ ไม่สามารถตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันได้ ตรวจสอบได้แต่ประวัติการเดินทางที่ผ่านมาเท่านั้น
2. กึ่ง offline ตัวเครื่องจะมี Simcard เมื่อผู้ใช้ร้องขอไปที่ตัวเครื่อง GPS เครื่องฯจะทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือๆ จะส่งข้อมูลพิกัดกลับไปให้ผู้ใช้ผ่านระบบ SMS
ข้อดี คือ ไม่มีค่าบริการรายเดือน จะมีแต่ค่าใช้บริการของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ คือ ค่าส่ง SMS ข้อเสีย คือ ความสะดวกในการใช้งาน เพราะผู้ใช้จะได้รับข้อมูลพิกัดมาเป็นตัวเลขตามที่ขอไป โดยผู้ใช้ต้องเชื่อมต่อ internet และพิมพ์ตัวเลขพิกัดเข้าไปใน Google Map เพื่อทำการหาตำแหน่งปัจจุบันทุกครั้งที่ได้ SMS และตรวจสอบข้อมูลการเดินทางย้อนหลังไม่ได้
3.แบบ online ตัวเครื่องจะรับข้อมูลพิกัดตำแหน่งปัจจุบันจากดาวเทียม และส่งไปเก็บที่ Server ผ่านระบบ EDGE, GPRS, 3G และ 4G เจ้าของรถหรือผู้ใช้งานสามารถเรียกดูตำแหน่งปัจจุบัน หรือตรวจสอบเส้นทางการวิ่งย้อนหลังแบบ online ได้แบบ real time ทั้งจากเครื่อง computer และโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังสามารถส่งคำสั่งต่างๆกลับไปยังเครื่องได้ เช่น สั่งให้ดับเครื่องยนต์ สั่งควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น
ข้อดี คือ 1.ดูตำแหน่งปัจจุบันเห็นรถวิ่งสดๆ หรือสามารถเรียก หรือตรวจสอบเส้นทางการวิ่งย้อนหลังได้ตามต้องการ ผู้ให้บริการบางรายจะสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ในการความคุมระบบต่างๆของรถได้ เช่น สั่งห้าม start หรือสั่งดับเครื่อง ดักฟังเสียงในห้องโดยสาร
2. ดูตำแหน่ง เห็นรถวิ่ง วินาทีต่อวินาที
ข้อเสีย คือ 1.จะมีค่าบริการรายเดือนหรือตามเงื่อนไขการให้บริการของแต่ละผู้ให้บริการแต่ละราย เพราะมีการส่งข้อมูลและเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้บน server ตลอดเวลา
2. มีค่าใช้สูง มีค่าใช้จ่ายรายเดือน เนื่องจากส่งข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ของรถตลอดเวลา online ผ่านระบบ 3G
8.ระบบจับขโมย (Stop Theft)
เป็นการใช้เทคโนโลยีระบบติดตามผ่านดาวเทียม (GPS) กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (GSM) เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการหยุดหรือจับขโมย เช่น การสั่งไม่ให้สตาร์ท รถยนต์จากมือถือเพื่อไม่ให้รถถูกสตาร์ทได้ หากขโมยสามารถเอารถไปได้ สามารถเปิดแสดงตำแหน่งรถ online โดยดูผ่านอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือ ได้ทุกที่ ไม่จำกัดผู้ใช้งาน ตำรวจสมารถสกัดจับค้นร้ายได้ง่าย ทุกคนสามารถมองเห็นคนร้ายตลอดเวลา และสามารถสั่งหยุดรถ หรือสั่งดับเครื่องยนต์ ทำให้สะดวกในการหยุดคนร้าย และ จับกุมได้โดยง่าย
ระบบจับขโมยเป็นการรวมเอาเทคโนโลยี่ และจุดเด่น ของเทคโนโลยี่ทั้งหมดข้างต้นมาไว้ด้วยกัน และจะต้องมี Call Center ให้บริการลูกค้าตลอก 24 ชั่วโมง เพื่อเปิดระบบติดตามคนร้าย ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการน้อยมาก